มือใหม่หัดลงทุนหลายท่าน อาจมีความกังวลและสงสัยว่าในการเทรด ฟอเรกซ์ นั้น ทำไมไม่เอาเงินบาทไปเทรดกับค่าเงินดอลลาร์ เหตุเพราะค่าเงินบาทไม่เป็นที่นิยมในการซื้อขายในตลาดโลก แต่ถ้านักลงทุนที่เป็นมือใหม่มาก ๆ สามารถที่จะนำเงินบาทไปทดลองแลกกับค่าเงินประเทศอื่น ๆ ได้ตามสถานที่รับแลกเงินอย่างธนาคาร เพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนได้ว่าหากไปเทรด ฟอเรกซ์ จริง ๆ ในระบบแล้วจะเป็นเช่นไร ทนต่อความผันผวนได้มากน้อยแค่ไหนหรือการแลกค่าเงินสามารถทำกำไรไรได้จริงไหม และถ้าขาดทุนจะเป็นอย่างไร ซึ่ง หากนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่กล้าที่จะเทรด forex นั้นขอแนะนำค่าเงินที่สามารถเอาเงินบาทไปแลกโดยที่มีความเสี่ยงน้อยได้แก่ เงินดอลลาร์สหรัฐ, เงินยูโร, เงินเยน ญี่ปุ่น, เงินปอนด์สเตอร์ลิง อังกฤษ, เงินดอลลาร์ สิงคโปร์, เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และเงินฟรังก์สวิส เพราะถือว่าค่าเงินของประเทศดังกล่าวจะมีเสถียรภาพมากกว่าค่าเงินอื่น ๆ
แต่ถ้าหากคุณพร้อมที่จะเทรด forex แล้วล่ะก็ มีค่าเงินหลัก ๆ ที่จับคู่เทรดและค่าเงินรองให้คุณได้เลือกเทรดดังต่อไปนี้
- คู่ค่าเงินหลัก Major Currency
ยืนหนึ่งในการเทรดคือค่าเงิน ดอลลาร์ สหรัฐ ทำไมเงินดอลลาร์ สหรัฐ จึงเป็นค่าเงินที่นิยมนำมาจับคู่เทรดกับค่าเงินอื่น ๆ นั่นเพราะเงินดอลลาร์สหรัฐมีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในโลก, มีความคล่องตัวสูง, ประเทศสหรัฐถือเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจึงมีความเสถียรภาพสูง, ค่าคอมมิชชั่นต่ำ อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลหลักในการซื้อ-ขายทองคำโลกและน้ำมันดิบโลก โดยการจับคู่ส่วนใหญ่จะเป็น USD/EUR, USD/GBP, USD/JPY, USD/AUD เป็นต้น
- คู่ค่าเงินรอง Minor Currency
คู่ค่าเงินรอง หมายถึง ค่าเงินที่มักจะนำมาจับคู่เทรดกันโดยที่ไม่ใช่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ เป็นการจับคู่เทรดที่เรียกว่า Cross Currency เช่น GBP/JPY, EUR/JPY, EUR/GBP เป็นต้น ซึ่งคู่ค่าเงินประเภทนี้จะมีค่าสเปรดที่ค่อนข้างสูง นักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์หรือแม้จะเคยลงทุนค่าเงินหลักมาแล้วขอแนะนำให้หลีกเลี่ยง เพราะเสี่ยงต่อการขาดทุนหนักได้
- คู่ค่าเงินเกิดใหม่ Exotic Currency
หมายถึง ค่าเงินที่แปลกใหม่ที่มีสภาพคล่องไม่สูงมากและสเปรดสูง ปริมาณการซื้อขายน้อย เช่น ค่าเงินของประเทศยูโรปบางประเทศ อย่าง สวีเดน, นอร์เวย์ หรือฮ่องกง เป็นต้น หากไม่เข้าใจในระบบเศรษฐกิจประเทศนั้น ๆ ควรหลีกเลี่ยงที่จะเทรด เพราะด้วยปริมาณการซื้อ-ขายที่น้อย การจับคู่ค่าเงินอาจส่งผลให้พบปัญหาและขาดทุนได้
จะเลือกค่าเงินไหนดีถึงจะเทรด ฟอเรกซ์ ได้อย่างไม่ต้องกังวล
แน่นอนนักลงทุนต้องมองหาค่าเงินที่ให้ความมั่นคงสูงและเสี่ยงต่ำกว่าค่าเงินอื่น ๆ ซึ่งมักจะเลือกค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ถือว่าเป็นกลุ่มค่าเงินหลักและได้รับความนิยมสูงสุด อีกทั้งมีความเสถียรภาพสูง สภาพคล่องมาก ความผันผวนและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้ลงทุนในการเทรด forex เป็นอย่างยิ่ง โดยคู่ค่าเงินที่นิยมเทรดมีดังนี้
- USD/JPY : ดอลลาร์สหรัฐ กับ เยน ญี่ปุ่น
- EUR/USD : เงินยูโร กับ ดอลลาร์สหรัฐ
- USD/CHF : ดอลลาร์สหรัฐ กับ ฟรังก์สวิส
- GBP/USD : ปอนด์สเตอร์ลิง อังกฤษ กับ ดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิงจาก https://www.investopedia.com/forex-and-currencies-trading-4689676
ปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินที่เทรดเกิดความผันผวน ขึ้น –ลง มีอะไรบ้าง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อคู่ค่าเงินที่จะเทรด โดยหลัก ๆ หากเลือกที่จะเทรดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ก็ต้องดูในเรื่องของนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของเฟด, การประกาศอัตราการว่างงาน NON Farm หรือในช่วงนี้อาจเฝ้าจับตาการทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวกับการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศจีน รวมถึงการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าที่จะเข้าไปขายในประเทศสหรัฐฯ และการประกาศกำแพงภาษีของจีนต่อสหรัฐฯ ที่ถือว่าเป็นสงครามการค้าของประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจโลก
- อัตราดอกเบี้ยของค่าเงินที่เทรด
กรณีล่าสุดการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปที่ธนาคารพาณิชย์ได้ฝากเงินไว้กับ ECB ลดลง – 0.5% ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ที่ฝากเงินไว้กับ ECB จะต้องเสียเงินค่าฝากแทน 0.5% หรือ พูดง่าย ๆ คือ แทนที่จะฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ย กลับโดนหักเงินค่าฝาก เพราะเป็นการกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้คนและธุรกิจอื่น ๆ ไปลงทุนมากกว่าจะมาฝากไว้กับ ECB และทาง ECB เองยังอัดฉีดด้วยการใช้เงินซื้อพันธบัตรเป็นเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและภาวะถดถอยของระบบเศรษฐกิจยุโรป หลังจากประกาศผลการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินยูโร เริ่มอ่อนค่าลงในทันที เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (1EUR/1.10USD) *ข้อมูลเมื่อวันที่ 17/9/2019
- สภาวะเศรษฐกิจ
จากกรณีที่ ECB ออกมาตรการลดดอกเบี้ยและอัดฉีดเงิน โดยจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2019 นั้น แม้ว่าจะยังไม่เริ่มมาตรการดังกล่าว แค่ออกนโยบายและประกาศออกมาก็ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงในทันที ในขณะที่ทาง ECB เองก็ออกมายอมรับว่าปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจของยุโรปไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศหลัก ๆ อย่าง เยอรมัน, อิตาลี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ ในขณะที่อังกฤษเองก็ขอออกจากยูโรโซนจึงมีผลกระทบต่อการคิด GDP ของยุโรปด้วยเช่นกัน จึงส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง
การเทรด ฟอเรกซ์ นั้น หากนักลงทุนสนใจในระบบเศรษฐกิจมหภาคและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้รวมถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ จากโบรกเกอร์ รับรองได้เลยว่านักลงทุนสามารถที่จะเทรดค่าเงินเพื่อทำกำไรได้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าได้เรียนรู้ในเรื่องของกราฟทางเทคนิคเสริมแล้ว ก็เปรียบเสมือนเสือติดปีกในโลกของการเทรดได้เลย