ราคาซื้อขายทองคำจะไม่เหมือนกับสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับการผลิตและการบริโภค: ราคาทองคำจะเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง จึงทำให้สามารถใช้ทองคำในการป้องกันความเสี่ยงสำหรับตลาดอื่น ๆ ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนขึ้นได้ นอกเหนือจากทองคำแล้ว แพลตตินั่ม, พาลาเดียม และเงินยังถือเป็นสินทรัพย์มีค่าที่มีการซื้อขายกันโดยกลุ่มนักลงทุนผู้ซึ่งใช้โลหะมีค่าเหล่านี้เป็นตัวรักษาความมั่งคั่งในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางด้านการเงิน
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและความผันผวนของตลาดโลหะมีค่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ สถาบันการเงินจากทั่วโลกซึ่งมีการลงทุนแบบเก็งกำไรและสามารถทำให้ราคาวิ่งขึ้นและลงได้ ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อตลาดนี้คือแนวโน้มของผู้ใช้ขั้นปลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ซื้อเครื่องประดับ: ความต้องการในตัวเครื่องประดับได้ทำให้ราคาของโลหะมีค่าเพิ่มสูงขึ้น สภาวะเศรษฐกิจก็สามารถส่งผลต่อราคาตลาดได้เช่นกัน ในโลกที่เต็มไปด้วยเศรษฐกิจในระดับที่ดีจะมีผลโดยตรงกับความต้องการทองคำและโลหะมีค่าอื่น ๆ ที่ใช้ทำเครื่องประดับ: เมื่อนักลงทุนมองหาตัวเลือกในการลงทุนที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่สูง ราคาของโลหะมีค่าบางตัวจะต่ำลงและบางตัวจะสูงขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความต้องการสินทรัพย์ทางด้านการเงินนอกเหนือจากโลหะมีค่าก็ส่งผลต่อความผันผวนของราคาได้เช่นกัน
โลหะมีค่าโดยเฉพาะทองคำถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง เมื่อย้อนกลับไปในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทองคำถูกใช้ในด้านการค้ามาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเหรียญหรือทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์และมีน้ำหนักขนาดต่าง ๆ ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าและเป็นที่ต้องการ เหรียญทองคำถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วง 600 BC และถูกใช้แทนเงินตรา (โกลด์สแตนดาร์ด) จนกระทั่งถึงช่วงปี ค.ศ.1930s ทองคำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยมและไม่ทำปฏิกิริยากับสสารอื่น ๆ ดังนั้นมันจึงถูกใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ เครื่องประดับ, เคมีและไฟฟ้าสำหรับเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงด้านการแพทย์ ทองคำที่ใช้แทนเงินตราได้ถูกแทนที่ด้วยระบบสกุลเงินในช่วงปี ค.ศ.1976 แต่มันก็ยังถือเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ดีเยี่ยมมาจนถึงปัจจุบัน
นอกเหนือจากทองคำแล้ว ในช่วงเวลามากกว่า 4 พันปี โลหะเงินได้ถูกนำมาใช้เป็นเงินตราสำหรับการซื้อขายสิ่งของ (ซิลเวอร์สแตนดาร์ด) ซึ่งมีการใช้ไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 19 ความต้องการทางด้านอุตสาหกรรม, การค้า และการบริโภคได้ทำให้โลหะเงินเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการลงทุน และเริ่มมีการซื้อขายอนุพันธ์ เช่น ซิลเวอร์ฟิวเจอร์ส ในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก การเข้ามาของการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ได้ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงราคาของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของโลหะเงินที่มีการซื้อขายกันได้อย่างง่ายดายและสามารถลงทุนในสินทรัพย์นี้ได้ในระยะยาว
เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อขายทองคำและโลหะเงินซึ่งถูกใช้เป็นสินทรัพย์สำหรับการลงทุนมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อน แพลตตินั่มและพาลาเดียมมีประวัติที่สั้นกว่าสำหรับในภาคการเงิน อย่างไรก็ตามเนื่องจากความขาดแคลนและจำนวนที่ผลิตได้จากเหมืองในแต่ละปี รวมถึงการถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมมต่าง ๆ มากมาย โลหะมีค่าทั้งสองอย่างนี้มีแนวโน้มว่าจะขายได้ราคาดีกว่าทองคำ แพลตตินั่มหายากมากกว่าทองคำ 10 เท่า และมีความเกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งและอัลลอยด์ทองคำขาว-แพลตตินั่มได้ถูกใช้มาตั้งแต่ช่วงก่อนยุคบุกเบิก หลักฐานอ้างอิงเกี่ยวกับแพลตตินั่มในยุโรปชิ้นแรกอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 16 และตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา โลหะมีค่าชนิดนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องประดับ อีกทั้งยังมีการใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเคมี, ทันตกรรม หรือแม้แต่ในด้านการแพทย์
คล้าย ๆ กับแพลตตินั่ม พาลาเดียมมีส่วนสำคัญในด้านเทคโนโลยีเช่นกัน ตั้งแต่ที่ได้มีการถูกค้นพบครั้งแรกที่ยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 19 ความต้องการพาลาเดียมของโลกได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตามพาลาเดียมยังถูกใช้อย่างแพร่หลายในวงการการแพทย์, อุตสาหกรรมไฟฟ้า, เครื่องประดับ และใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน เนื่องจากอุปสงค์และอุปทาน (ตัวกำหนดราคาในตลาด) ในช่วงที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ ราคาของแพลตตินั่มและพาลาเดียมสามารถเทียบเท่าหรือมากกว่าทองคำได้ ในขณะที่ช่วงเศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพราคาของโลหะมีค่าทั้งสองก็จะลดลงน้อยกว่าทองคำ จึงทำให้ทองคำเป็นโลหะที่มีเสถียรภาพมากกว่าสำหรับการลงทุน
การซื้อขายทองคำและโลหะมีค่าในปัจจุบัน
โลหะมีค่าได้กลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดแข็งที่ได้รับความนิยมในการซื้อขายมากที่สุดมาตั้งแต่ช่วง ค.ศ1970s นอกจากการซื้อขายสกุลเงิน (ฟอเร็กซ์) แล้ว การลงทุนในทองคำและโลหะมีค่าตัวอื่น ๆ ในระยะยาวถือเป็นวิธีการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกในช่วงที่เกิดเงินเฟ้อหรือความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ/การเมือง
สำหรับสัญญาล่วงหน้าหรือที่เรียกว่าสัญญาอนุพันธ์ มูลค่าของตัวสัญญาจะมาจากพฤติกรรมของตัวสินทรัพย์ หนึ่งในเหตุผลหลักของการลงทุนในฟิวเจอร์สโลหะมีค่าคือ ความสามารถในการลดความเสี่ยง: ให้ผู้ซื้อและผู้ขายสัญญาได้รับราคาหรืออัตราที่แน่นอนล่วงหน้าสำหรับการทำธุรกรรมในอนาคต ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างกระทันหันที่อาจทำให้มีการขาดทุนเพิ่มขึ้นได้
โลหะมีค่าที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดคือ ทองคำ, แพลตตินั่ม, พาลาเดียม และเงิน ซึ่งปริมาณการซื้อขายในระดับที่สูงของสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้เป็นคุณลักษณะที่เกิดขึ้นมาจากมูลค่าที่แท้จริงของตัวสินค้าโภคภัณฑ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ ความนิยมในการซื้อขายผ่านทางออนไลน์หรือแม้แต่การเป็นเจ้าของตัวโลหะมีค่าเหล่านี้เพื่อการลงทุนในระยะยาวมีลักษณะที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากในทศวรรษปัจจุบัน การซื้อขายโลหะมีค่ายังถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนระยะสั้น เนื่องจากอนุพันธ์และสัญญาซื้อขายจะใช้เงินทุนที่น้อยกว่าและสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาได้
โลหะมีค่าสามารถถูกซื้อขายได้สองทิศทาง: ถ้าหากมีการคาดการณ์ว่าตลาดจะปรับตัวขึ้น (แนวโน้มกระทิง) นักลงทุนสามารถเปิดโพซิชั่นซื้อสัญญาล่วงหน้า (long) และปิดโพซิชั่นด้วยการขายสัญญา; แต่ถ้าหากมีการคาดการณ์ว่าตลาดจะปรับตัวลง (แนวโน้มหมี) นักลงทุนสามารถเปิดโพซิชั่นขายสัญญาล่วงหน้า (short) และปิดโพซิชั่นด้วยการซื้อสัญญา นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถทำการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าด้วยการเปิดและปิดโพซิชั่นได้หลายครั้ง ซึ่งอาจเป็นการเปิดโพซิชั่นสัญญาที่ราคาต่างกันแต่ทำการปิดที่ราคาเดียวหรือจะทำในทางกลับกันก็ได้ ความสามารถในการซื้อขายได้ทั้งสองทางช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นหรือลงก็ตาม