ก่อนที่นักลงทุนจะเข้าทำการซื้อขายค่าเงินหรือ ฟอเรกซ์ นั้น รู้หรือไม่ว่าในตลาดการเงินแห่งนี้มีคำศัพท์มากมายที่นักลงทุนควรรู้ไว้ก่อนที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งจะมีคำศัพท์ชนิดใดบ้างมีความสำคัญอย่างไรและมีความหมายอะไร ทำไมจึงต้องรู้ไว้ก่อนที่จะเทรด ตามมาดูกันได้เลย
- Forex, FX, Forex FX หรือ ฟอเรกซ์ ย่อมาจาก Foreign Exchange ซึ่งก็คือ การแลกเปลี่ยนซื้อขายเงินตราประเทศ โดยอาจเรียกว่า FX หรือ forex ก็ได้ ถือเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นสถานที่นักลงทุนจะลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราแห่งนี้
- Trader คือ นักลงทุนซึ่งจะจะใช้เรียกผู้ที่ทำการซื้อขายในตลาดการเงินหรือตลาดหุ้น หรือบุคคลที่ทำการซื้อและขายหลักทรัพย์ ต่าง ๆ เช่น น้ำมัน ทองคำ หุ้น ค่าเงินต่าง ๆ เป็นต้น
- Broker คือ นายหน้าผู้ค้าหลักทรัพย์ที่ได้รับการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายของแต่ละประเภทสินค้าและของแต่ละประเทศนั้น ๆ ซึ่งนักลงทุนจะทำการซื้อขายหลักทรัพย์ได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีโบรกเกอร์เป็นตัวกลางในการซื้อขายเพราะนักลงทุนไม่สามารถที่จะซื้อขายโดยตรงได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนักลงทุนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาและเลือกโบรกเกอร์ให้ถูกต้อง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจะส่งผลต่อเงินลงทุนของนักลงทุนเองได้
- PIP ย่อมาจาก Price Interest Point หรือ นักลงทุนจะเรียกว่า จุด ซึ่งก็คือหน่วยที่ใช้ในการเทรดของหลักทรัพย์หรือค่าเงินนั้น ๆ โดยในตลาดหุ้นมักจะเรียกการขึ้นลงของหุ้นเป็น จุด เช่น วันนี้ตลาดหุ้นบวกขึ้นมา 10 จุด แต่ในขณะที่ตลาด ฟอเรกซ์ จะเรียกเป็น Pip หรือ ปิป เช่น คู่เงิน EUR/USD ตอนเปิดตลาดอยู่ที่ 1.12100 แต่เมื่อสิ้นวัน ค่าเงิน EUR/USD อยู่ที่ระดับ 1.12200 หมายถึง ราคาค่าเงินขยับขึ้นสูง 100 Pip เป็นต้น หลายคนอาจกังวลว่าจะคำนวณถูกหรือผิดนั้น โดยส่วนใหญ่โปรแกรมที่ใช้เทรดหรือกราฟทางเทคนิคจะบอกค่าให้อยู่แล้วไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ซึ่งนักลงทุนก่อนทำการเทรดให้ฝึกนับ Pip และคำนวณเงินให้คล่องก่อนที่จะเทรดจริงจะดีมาก
- Lot หรือ Size หลายคนที่เข้ามาเทรด ฟอเรกซ์ นั้นมักจะสับสนกับการคิดค่า
lot ของโบรกเกอร์ เพราะจะไม่เหมือนกับการเทรดหุ้น เพราะหากคุณจะซื้อหุ้นสัก 1 ตัว
ก็สามารถที่จะระบุลงไปได้เลยว่า ต้องการซื้อหุ้น AAA จำนวน 1,000 หุ้น
แต่เมื่อเป็น forex นั้น จะมีความหมายที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณขั้นต่ำของทางโบรกเกอร์เป็นคนกำหนดด้วยว่า
ขั้นต่ำในการเทรดนั้นกี่ Lot ยกตัวอย่างเช่น
คุณต้องการที่จะเทรดค่าเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.12100 จำนวน 0.01 Lot ( 1 Lot = 10,000
Unit) นั่นหมายถึง มูลค่า Lot หรือ
การซื้อขายครั้งนี้อยู่ที่
- x 1.12100) x 10,000 = 112.1 USD หากเป็นไปได้ขอแนะนำให้ทดลองเทรดกับโปรแกรมจำลองและฝึกวิธีการคิดมูลค่าต่าง ๆ ให้เข้าใจให้ดีเสียก่อนเพราะไม่อย่างนั้นแล้ว อาจส่งผลให้คุณขาดทุนก็เป็นได้ อย่าลืมว่ามูลค่าเพียงแค่ 0.01 Pip ของค่าเงิน EUR/USD มีค่าเท่ากับ 112.1 USD ซึ่งเมื่อคิดกลับมาเป็นค่าเงินบาทจะเท่ากับ 3,363 บาทเลยทีเดียว (สมมติที่ 1 USD=30บาทไทย)
- Bid Price และ Ask Price ในภาษาหุ้นก็คือราคาขายและราคาซื้อ การซื้อ –ขาย จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีความต้องการซื้อและความต้องการขาย โดยทั้ง 2 คำศัพท์นี้จะทำงานร่วมกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งแรกจะเรียกว่า Bid Price หรือราคาขาย โดยเมื่อคุณต้องการที่จะขายออกไปสามารถที่จะกดขายในราคา Bid ได้ในทันที ในขณะที่หากคุณต้องการซื้อ ก็สามารถที่จะกดซื้อในราคาฝั่ง Ask ได้เช่นกัน ซึ่งราคาทั้งสองฝั่งจะไม่เท่ากัน จึงเกิดค่าแตกต่างให้เก็งกำไร เช่น ค่าเงิน USD มีราคารับซื้อ (Bid) อยู่ที่ดอลลาร์ละ 30.60 บาท ส่วนราคาขาย (Ask) อยู่ที่ดอลลาร์ละ 30.80 บาท ซึ่ง หากคุณ ซื้อที่ราคา ASK แล้วมาขายในราคา Bid คุณจะขาดทุนทันที 0.20 บาท นั่นคือส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้น ก็เหมือนกับราคาทองคำที่ติดตามหน้าร้าน
- Spread สเปรด ก็คือ ส่วนต่างของราคาที่ซื้อขาย หากคุณเข้าใจระหว่าง Bid และ Ask แล้ว สเปรดก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ซึ่งคุณเองสามารถที่จะคำนวณผลกำไรขาดทุนได้ด้วยตัวคุณเอง เช่น คุณซื้อค่าเงิน EUR/USD ที่ 1.12100 คุณต้องการทำกำไร คุณจะต้องขายออกไปที่ราคา Bid ที่ 1.12200 หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะทำให้คุณมีกำไร 0.001 แต่หากราคาตกลงไปที่ 1.1200 คุณก็จะขาดทุน 0.001
- Take Profit หรือ Profit หมายถึง กำไร หรือ การขายเอากำไร ที่มักจะได้ยินนักลงทุนพูดเสมอ ๆ ว่า หากหุ้นขึ้นสามารถที่จะ Take Profit ออกมาก่อน 30-40% นั่นหมายถึง ให้ขายทำกำไรออกมา 30-40% ของมูลพอร์ตที่ลงทุนหรือจำนวน Lot ที่ถูกอยู่
- Leverage หรือ อัตราทดที่เพิ่มอำนาจในการซื้อให้กับนักลงทุน ในตลาดฟิวเจอร์มักจะเห็นนักลงทุนส่วนใหญ่ใช้กันมาก บางคนใช้โดยที่ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร จนบางครั้งทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยทีเดียว ซึ่งตัว Leverage ก็คือการให้อำนาจในการซื้อสินทรัพย์ของนักลงทุนนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่นในตลาดฟิวเจอร์อย่าง TFEX ที่มักจะเห็นการซื้อขายของนักลงทุนเป็นสัญญา เช่น TFEX 1 สัญญา โดย TFEX จะอ้างอิงตามดัชนี SET 50 มีตัวคูณดัชนีเท่ากับ 200 บาท ต่อ 1 ดัชนี นั่นหมายถึง ถ้า TFEX ปัจจุบันอยู่ที่ 1,200 จุดจะมีค่าเท่ากับ 240,000 บาท ในขณะที่นักลงทุนจะลงทุนนั้น จะต้องวางเงินหลักประกันก่อนซื้อขายประมาณ 20,000 บาทต่อสัญญา ก็สามารถที่จะซื้อขายได้แล้ว สำหรับเงินหลักประกันในการลงทุนนั้นก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและความเหมาะสมของทางตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้กำหนดมา อาจมีการเพิ่มหรือลดลงก็ขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาดและดัชนีที่มีการปรับตัวขึ้น
เมื่อเข้าใจคำศัพท์ทางเทคนิค ฟอเรกซ์ แล้วก็อย่าลืมไปทดลองเทรดกับโปรแกรมทดลองจากทางโบรกเกอร์ เพื่อให้เข้าใจยิ่ง ๆ ขึ้น ตลอดจนการวางเงินหลักประกัน, Lot ในการเทรดให้คล่อง ถ้าไม่เข้าใจก็สามารถที่จะปรึกษากับทางโบรกเกอร์ให้เข้าใจก่อนที่จะลงมือเทรดจริง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจะส่งผลต่อความเสี่ยงในการขาดทุนของคุณอย่างแน่นอน